วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามตลาดน้ำคลองต้นเข็ม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯราว 80 กิโลเมตร ในราวปี พ.ศ. 2409 รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองดำเนินสะดวกระยะทางกว่า 32 กิโลเมตร เชื่อมแม่น้ำแม่กลองที่บางนกแขวกกับแม่น้ำท่าจีนที่ประตูน้ำบางยาง และมีคลองซอยเล็ก ๆ มากมาย ทำให้ชาวบ้านในราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร สามารถติดต่อกันทางน้ำได้สะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในภาพของตลาดลอยน้ำที่คราคร่ำไปด้วยเรือพายลำย่อม บรรทุกสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลกเปลี่ยนสินค้าในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเริ่มค้าขายตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงช่วงประมาณ 12.00 น. ส่วนตลาดน้ำวัดปราสาทสิทธิ์ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่ยังคงวิถีชีวิตเดิม ๆ อยู่มากจะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ และจะวายตั้งแต่ก่อน 08.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอำเภอดำเนินสะดวก โทร. 0 3224 1023, 0 3234 6161 หรือที่เว็บไซต์
www.damnoensaduak.com

ล่องคลองชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีบริการเรือเช่านำเที่ยว เรือพาย ราคา 300 บาท เรือหางยาว ราคา 600 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน พาไปดูสวน การทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ท่าเรือยุวันดา โทร. 0 3224 1392, 0 6668 9471, 0 9161 0909

การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกได้ 2 เส้นทาง คือ
1. เดินทางไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อย จะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายมือไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์เลยไป 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร

2. เดินทางไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ระยะทาง 63 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ผ่านตัวเมืองสมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ทางเข้าตลาดน้ำอยู่ก่อนถึงสะพานธนะรัชต์ 200 เมตร และแยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร

รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี เที่ยวแรกออกตั้งแต่เวลา 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ลงรถบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ จากนั้นสามารถโดยสารรถสองแถวบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ เข้าไปถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นระยะทางอีก 1 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ (ห้องจำหน่ายตั๋วดำเนินสะดวก) โทร. 0 2435 5031 (ห้องจำหน่ายตั๋วราชบุรี) โทร. 0 2435 5036
นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกับรถโดยสารสายอื่นได้ เช่น สายกรุงเทพฯ-ราชบุรี, กรุงเทพฯ-เพชรบุรี (สายเก่า) แล้วลงตรงสี่แยกบางแพ ต่อจากนั้นต่อรถสองแถวซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีรถออกทุก 10 นาที

อ้างอิง http://www.holidaythai.com/ratchaburi_attractions_detail_1225.htm

ตลาดน้ำ 4 ภาค


ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา
ตลาดน้ำ 4 ภาค เสน่ห์พัทยาแห่งใหม่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมและเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมความหลากหลายเกี่ยวกับ การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ตลาดน้ำ 4 ภาค รวบรวม ของดี 4 ภาค มาไว้ที่นี่ ผสมผสานกันอย่างลงตัว เสน่ห์ แห่งใหม่ในเมืองพัทยา แหล่ง รวม สินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน และแหล่งท่องเที่ยวเชิง วัฒนธรรม มารวมไว้จุดเดียวกัน ถือเป็น แหล่ง ช็อปปิ้งใหม่ ที่มีจุดขายในตัวเองและไม่เหมือนใคร

ภายใน ตลาดน้ำ 4 ภาค เป็น ส่วนจุดเข้าชมย่อย อาทิ เช่น ทุ่งทานตะวัน พิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลัก อีกทั้งยังเป็นแหล่งช็อปปิ้ง สินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ทั้งหมด 114 ร้านค้า รวมไปถึงการแสดงกิจกรรมวิถีชีวิตประเพณี วัฒนธรรมไทย หรือจะเป็นการล่องเรือพายชมทัศนียภาพตลาดน้ำ ย้อนรำลึกประวัติศาสตร์การกสิกรรมไทย ที่แปลงเกษตรสาธิตและสมุนไพรไทย เป็นการท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้ ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ได้รู้จักความเป็นมาในอดีตของการค้าขายทางสายน้ำ รวมไปถึงการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ของทั้ง 4 ภาค (live & learn) ไม่ว่าจะเป็น การทำนาปลูกข้าว ,การทอผ้าไหม,การทำขนมไทยโบราณ หรือการศึกษาถึงภูมิทัศน์ของผู้ที่อยู่อาศัย และทำการ ค้าขายบนสายน้ำ ให้ได้รู้ว่า

รายละเอียด
ตลาดน้ำ 4 ภาค จะเปิดให้บริการได้เต็มที่เวลาปกติ ตั้งแต่ 10.00 - 24.00 น. จำลองบรรยากาศแบบไทยๆ เดินๆไป ก็มีเสียงเพลงของแต่ละภาค ให้รับฟัง ด้านหลังโครงการ มีทุ่งทานตะวันกับทุ่งข้าว ให้เดินเที่ยวชมได้ ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ จะมีการแสดงของแต่ละภาควนไปตามซุ้มต่างๆ

ที่อยู่และเบอร์โทร : 451/304 หมู่ 12 ถ.สุขุมวิทพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150โทร 038 706 340 มือถือ: 081 900 5546 E-mail :info@floating4market.com
www.floating4market.com

การเดินทางไปตลาดน้ำ 4 ภาค
- หากมาโดยรถยนต์ส่วนตัวจากกรุงเทพฯ ขับผ่านทางเลี้ยวเข้าพัทยาเหนือ -> กลาง -> ใต้ เลยทางเลี้ยวเข้าพัทยาใต้ไปสักหน่อยทางเดียวกับไปอลังการถึงก่อนอลังการ ประมาณ 4.5 กม. จะเห็นเรือนไทยโดดเด่นไม่ต้องกลัวหลงเพราะจะมีป้ายบอกตอดทาง- รถโดยสารประจำทางถ้านั่งรถป.1 ที่เอกมัย ซื้อตั๋วรถกรุงเทพ-สัตหีบเลยค่ะเพราะเป็นทางผ่าน จะได้ไม่ต้องต่อรถ บอกคนขับไว้ได้ค่ะว่ารถตลาดน้ำ 4 ภาคตลาดน้ำจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ติดถนนใหญ่เลย หรือจะนั่งรถมาลงแยกพัทยากลาง หรือใต้ก็ได้ แล้วนั่งรถสองแถวต่อไปบอกว่าลงตลาดน้ำ 4 ภาค


อ้างอิง http://www.paiduaykan.com/76_province/east/chonburi/floating4market.html

ตลาดน้ำอัมพวา

ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
ในอดีตเมืองอัมพวาถือว่าเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม มีตลาดน้ำขนาดใหญ่และชุมชนริมน้ำที่เป็นศูนย์กลางด้านพาณิชยกรรม แต่ผลกระทบของการพัฒนาการคมนาคมทางบก ทำให้ความเป็นศูนย์กลางฯ ของอัมพวาต้องสูญเสียไป ตลาดน้ำค่อยๆลดความสำคัญและสูญหายไปในที่สุด ทิ้งไว้แต่ร่องรอยของความเจริญในอดีตซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจนในทุกวันนี้ ทางเทศบาลตำบลอัมพวา โดยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในท้องถิ่น ได้ฟื้นฟูตลาดน้ำอัมพวาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่ออนุรักษ์ความเป็นอยู่ของชุมชนริมน้ำ ซึ่งในปัจจุบันจะหาดูได้ยาก ให้สืบทอดตลอดไป โดยใช้ชื่อว่า "ตลาดน้ำยามเย็น" สิ่งที่น่าสนใจตลาดน้ำยามเย็น จะมีทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.00 -22.00 น.วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. ตลาดน้ำโดยทั่วไปมักจะจัดขึ้นในเวลากลางวัน แต่ตลาดน้ำยามเย็น ที่อัมพวาแห่งนี้ จะจัดขึ้นในช่วงงเวลาเย็นเรื่อยไปจนถึงเวลาพลบค่ำ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นตลาดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ที่จัดในลักษณะเช่นนี้ ในตอนเย็นชาวบ้านจะเริ่มทยอยพายเรือนำสินค้าหลากหลายนานาชนิด อาทิ อาหาร ผลไม้ พืชผัก ขนม ของกินของใช้ มาขายให้กับนักท่องเที่ยว หรือคนในท้องถิ่นที่สัญจรไปมาที่ตลาดอัมพวา ทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติของชีวิตของชุมชนริมน้ำ ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถที่จะหาซื้ออาหารมานั่งรับประทาน บริเวณริมคลองอัมพวาติดกับตลาดน้ำ ซึ่งได้มีการจัดสถานที่ไว้ ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ล่องเรือชมหิ่งห้อย นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะนั่งเรือชมหิ่งห้อย ประกายความงามยามค่ำคืน หรือล่องเรือท่องเที่ยวตามลำน้ำแม่กลอง ก็สามารถติดต่อเรือได้ ติดต่อ โทร.089-4154523


การเดินทาง
ทางรถยนต์ จากตัวจังหวัดใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 325 ทางเดียวกับไปอำเภอดำเนินสะดวกและอุทยาน ร.2 ประมาณ 6 กม ก่อนถึงสามแยกไฟแดง มีทางแยกทางซ้ายเข้า อ.อัมพวา ไปอีกประมาณ 800 เมตร. ทางแยกซ้ายมือ เข้าตลาดอัมพวา จอดรถบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา
รถประจำทางจากสถานีขนส่งสายใต้ รถสาย 996 กรุงเทพฯ-ดำเนินฯ เป็นรถปรับอากาศ ผ่านจังหวัดสมุทรสงครามถึงตลาดอัมพวา สาย 976 กทม.-สมุทรสงคราม ถึงสถานีขนส่งสมุทรสงคราม ขึ้นรถประจำทางสาย 333 แม่กลอง-อัมพวา-บางนกแขวก ถึงตลาดอัมพวา

อ้างอิง http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=110&id=5913

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

วีดีโอเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

วีดีโอเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

วีดีโอเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

วีดีโอเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

วีดีโอเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต


ภัยร้ายจากอินเทอร์เน็ต
ภัยจากการถูกขโมยข้อมูล หรือ ข้อมูลความลับรั่วไหลออกจากองค์กร (Data Loss/Leakage and Theft)ปัญหาด้านความปลอดภัยที่ตัวไฟล์ข้อมูล หรือ "Data Security" นั้นกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูลขององค์กรส่วนใหญ่แล้วจะถูก "Digitize" หรือ จัดเก็บในรูปแบบของไฟล์ที่อยู่ในรูปแบบดิจิตอลฟอร์แมตเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ หรือสื่อทางด้านดิจิตอลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น CD,DVD หรือ เก็บไว้ใน Storage ขนาดใหญ่เช่น ระบบ NAS หรือ SAN ก็สามารถถูกผู้ไม่หวังดีแอบทำสำเนา หรือ "Copy" ข้อมูลออกไปได้โดยง่าย สังเกตจากการนิยมใช้ Thumb Drive หรือ USB Drive ตลอดจน iPhone/iPod หรืออุปกรณ์ MP3 ต่างๆ ในองค์กร ที่มีความจุข้อมูลค่อนข้างสูง ดังนั้น การป้องกันข้อมูลรั่วไหลจึงทำได้ค่อนข้างยากในทางเทคนิค จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เทคโนโลยี Digital Right Management (DRM) และเทคโนโลยี Data Loss Prevention (DLP) ในการบริหารจัดการไฟล์ข้อมูลต่างๆ ให้เข้าถึงเฉพาะผู้ใช้ที่ถูกกำหนดสิทธิไว้แล้วเท่านั้น ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ไม่สามารถเข้าถึง (Access) หรือทำสำเนา (Copy) ไฟล์ดังกล่าวได้
จากสถิติพบว่า การขโมยข้อมูลโดยคนในองค์กรเองหรือ Insider Threat นั้นมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าการขโมยโดยคนนอก และส่วนใหญ่เกิดจากพนักงานที่ไม่ซื่อสัตย์ หรือมีทัศนคติไม่ดีกับบริษัท (Disgruntled Employee) การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้ แต่ในขณะเดียวกันกลับกลายเป็นเทคนิคของแฮกเกอร์ในการแอบซ่อนข้อมูลไม่ให้เราสามารถทราบได้ว่าแฮกเกอร์กำลังแอบส่งข้อมูลกันอยู่ในกลุ่มของแฮกเกอร์ด้วยกันเอง ซึ่งมักนิยมใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า "Steganography" ยกตัวอย่าง การเข้ารหัสข้อมูลของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในการถล่มตึก World Trade ที่มหานครนิวยอร์ค (911) เมื่อหลายปีก่อน เป็นต้น
บริการค้นหาข้อมูล
เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นระบบขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมกว้างขวางทั่วโลก โดยมีแฟ้มข้อมูลต่างๆ มากมายหลายพันล้านแฟ้มบรรจุอยู่ในระบบเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสืบค้นใช้งาน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีระบบหรือโปรแกรมเพื่อช่วยในการค้นหาแฟ้มได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
อาร์คี (Archie) เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการค้นหาแฟ้มที่เราทราบชื่อ แต่ไม่ทราบว่าแฟ้มนั้นอยู่ในเครื่องบริการใดในอินเทอร์เน็ต โปรแกรมนี้จะสร้างบัตรรายการแฟ้มไว้ในฐานข้อมูล เมื่อต้องการค้นว่าแฟ้มนั้นอยู่ในเครื่องบริการใด ก็เพียงแต่เรียกใช้อาร์คีแล้วพิมพ์ชื่อแฟ้มข้อมูลที่ต้องการนั้นลงไป อาร์คีจะตรวจค้นฐานข้อมูลและแสดงชื่อแฟ้มพร้อมรายชื่อเครื่องบริการที่เก็บแฟ้มนั้นให้ทราบ เมื่อทราบชื่อเครื่องบริการแล้วก็สามารถใช้เอฟทีพีเพื่อถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล มาบรรจุลงในคอมพิวเตอร์ของเราได้
โกเฟอร์ (Gopher) เป็นโปรแกรมค้นหาข้อมูลและขอใช้บริการด้วยระบบเมนู โกเฟอร์เป็นโปรแกรมที่มีรายการเลือกเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในการค้นหาแฟ้มข้อมูล ความหมาย และทรัพยากรอื่นๆ เกี่ยวกับหัวข้อที่ระบุไว้ โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบและใช้รายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงอยู่กับอินเทอร์เน็ต สารบบ หรือชื่อแฟ้มข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น เราเพียงแต่เลือกอ่านในรายการเลือกและกดแป้น Enter เท่านั้นเมื่อพบสิ่งที่น่าสนใจ ในการใช้นี้เราจะเห็นรายการเลือกต่างๆ พร้อมด้วยสิ่งที่ให้เลือกใช้มากขึ้นจนกระทั่งเราเลือกสิ่งที่ต้องการและมีข้อมูลแสดงขึ้นมา เราสามารถอ่านข้อมูลหรือเก็บบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ของเราได้
Veronica เป็นโปรแกรมค้นหาข้อมูลที่พัฒนาขึ้นมาจากการทำงานของระบบโกเฟอร์ เพื่อช่วยในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการโดยไม่ต้องผ่านระบบเมนูตามลำดับขั้นของโกเฟอร์ เพียงแต่พิมพ์คำสำคัญ (Keyword) ลงไปให้ระบบค้นหาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำนั้นๆ แทน
เวส (Wide Area Information Server-WAIS) เป็นโปรแกรมสำหรับใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยสืบค้นข้อมูล โดยการค้นจากเนื้อหาข้อมูลแทนการค้นตามชื่อของแฟ้มข้อมูล จากฐานข้อมูลจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วโลก การใช้งานผู้ใช้ต้องระบุชื่อเรื่อง หรือ ชื่อคำหลักที่เกี่ยวกับเนื้อหาข้อมูลที่ต้องการค้น หลังจากใช้คำสั่งค้นหาข้อมูล โปรแกรมเวสจะช่วยค้นไปยังแหล่งข้อมูลที่ต่อเชื่อมกันอยู่ในอินเทอร์เน็ต โดยจะพยายามค้นเอกสารที่เกี่ยวข้องตรงกับคำค้น หรือวลีสำคัญที่ผู้ใช้การค้นหาให้มากที่สุด
Search Engines เป็นเครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นลักษณะของโปรแกรมช่วยการค้นหาซึ่งมีอยู่มากมายในระบบอินเทอร์เน็ต โดยการพัฒนาขององค์กรต่างๆ เช่น Yahoo, Infooseek, Alta Vista, HotBot, Excite เป็นต้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลสารสนเทศต่างๆ โดยผู้ใช้พิมพ์คำหรือข้อความ ที่เป็น keyword เข้าไป โปรแกรม Search Engines ก็จะแสดงรายชื่อของแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องขึ้นมา ซึ่งเราสามารถคลิกไปที่รายชื่อต่างๆ เพื่อเข้าไปดูข้อมูลตัวนั้นๆ ได้ หรือจะเลือกค้นจากหัวข้อในหมวดต่างๆ (Categories) ที่ทาง Search Engines ได้แสดงไว้เป็นเมนูต่างๆ โดยเริ่มจากหมวดที่กว้างจนลึกเข้าไปสู่หมวดย่อยได้

บทความเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

เครือข่ายไทยเน็ต
ปี พ.ศ. 2535 เช่นกัน เป็นปีเริ่มต้นของการจัดตั้งกลุ่มจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการศึกษาและวิจัยโดยมีชื่อว่า "เอ็นดับเบิลยูจี" (NWG : NECTEC E-mail Working Group) โดยการดูแลของเนคเทค และได้จัดตั้งเครือข่ายชื่อว่า "ไทยสาร" (ThaiSarn : Thai Social/Scientific Academic and Research Network) เพื่อการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน โดยเริ่มแรกประกอบด้วยสถาบันการศึกษา 8 แห่ง ปัจจุบันเครือข่ายไทยสารเชื่อมโยงกับสถาบันต่างๆ กว่า 30 แห่ง ทั้งสถาบันการศึกษาและหน่วยงานของรัฐ
เครือข่ายไทยสาร
ปัจจุบันได้มีผู้รู้จักและใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีอัตราการเติบโตมากกว่า 100 % สมาชิกของอินเทอร์เน็ตขยายจากอาจารย์และนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาไปสู่ประชาชนทั่วไป
อินเทอร์เน็ต 2 เป็นอีกโครงการหนึ่งที่กำลังพัฒนา และมีแนวโน้มที่จะแก้ปัญหาให้กับอินเทอร์เน็ตในด้านต่าง ๆ
ทุกวันนี้ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่ทุกคนรู้จักและใช้ประโยชน์ร่วมกัน ขณะเดียวกันสภาพการใช้งานที่หนาแน่น ทำให้มีข้อมูลข่าวสารวิ่งอยู่บนอินเทอร์เน็ตมากมาย จนทำให้สภาพเครือข่ายใช้งานได้ช้าและเป็นปัญหาต่อการใช้งาน โดยเฉพาะการประยุกต์ใหม่ ๆ หลายโปรแกรมก็ไม่สามารถใช้งานได้ดี เช่น การประยุกต์เว็บทีวี การประยุกต์มัลติมีเดีย การประยุกต์วิทยุ หรือ Real Audio นอกจากนี้งานที่ต้องการข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก เช่น งานวิจัยจำเป็นต้องใช้ข้อมูลข่าวสารที่ใช้งานเป็นจำนวนมาก
เพื่อแก้ไขปัญหาของอินเทอร์เน็ต มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาจำนวนกว่าร้อยแห่งได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาอินเทอร์เน็ตรุ่นใหม่ ที่มีการพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง และเรียกว่า อินเทอร์เน็ต
ทำไมต้องอินเทอร์เน็ต 2
ในเดือนตุลาคม 2539 มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกาจำนวน 35 แห่ง ได้ร่วมกันแถลงข่าวประกาศโครงการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตใหม่ โดยให้ชื่อว่า อินเทอร์เน็ต 2
ในเดือนมกราคม 2540 คณะกรรมการได้เป็นรูปร่างและมีการประชุมร่วมกันขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ก็ได้จัดสร้างองค์กร โดยมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครือข่ายจำนวน 8 คน เป็นผู้ร่างข้อกำหนดและรายละเอียดทางเทคนิค ปัจจุบันผู้สนใจสามารถหาข้อมูลดูรายละเอียดเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต 2 ได้ที่ http://www.internet2.edu โดยมีผู้อำนวยการโครงการชื่อ ไมค์ โรเบิร์ด ซึ่งเป็นประธานของ educom (Consortium of Academic and Industrial Institutions) นอกจากนี้การดำเนินการของโครงการอินเทอร์เน็ต 2 มีฐานดำเนินการอยู่ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย โดยมีประธานคณะกรรมการชื่อ Gary Auguston โครงการอินเทอร์เน็ต 2 นี้ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง โดยจัดให้อยู่ในโครงการที่ทาง NII เป็นผู้สนับสนุนเว็บเป็นจำนวน 300 ล้านเหรียญ เป็นเวลา 3 ปี โดยมีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ร่วมออกเงินอีก 50 ล้านเหรียญ หรือแต่ละมหาวิทยาลัยต้องพัฒนาระบบเครือข่ายของตนเองเพื่อรองรับโครงการอีกมหาวิทยาลัยละไม่ต่ำกว่า 500,000 เหรียญ ที่น่าสนใจคือ มีโรงเรียนระดับมัธยมหลายแห่งได้เข้าร่วมโครงการด้วย ตามเป้าหมายของอินเทอร์เน็ต 2 จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในขั้นต้นเดือนตุลาคม 2540 โดยจะมีโปรแกรมประยุกต์บางส่วนนำมาใช้ได้ในระยะแรกนี้ และจะพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้บนอินเทอร์เน็ต 2 นี้อีกมากในปี 2541

บทความเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต


ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail)
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นโปรแกรมรุ่นแรกๆ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันในระบบอินเทอร์เน็ต เริ่มใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 ในปัจจุบันมีโปรแกรมไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ได้เกิดขึ้นมากมายให้เลือกใช้ แต่โปรแกรมไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้รับส่งได้เฉพาะในรูปของตัวหนังสือเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใช้ต้องการจะส่งรูปภาพ สามารถจะทำได้โดยการติด (attach) ไปกับไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นๆ
การใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการศึกษา สามารถทำได้ในส่วนของการส่งเอกสารการเรียนการสอนการบ้าน การถาม-ตอบ กับครูผู้สอนหรือเพื่อนร่วมวิชาคนอื่นๆ โดยจะส่งไปตามที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ลงทะเบียนไว้
แหล่งข้อมูล (Information sources)
เนื่องจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่เชื่อมกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ทั่วโลกกว่าล้านเครื่องทำให้การหาข้อมูล ในระบบอินเทอร์เน็ตเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย และน้อยครั้งมากที่ผู้ใช้จะต้องจ่ายเงินเพื่อข้อมูลนั้นๆ การใช้แหล่งข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ต จะใช้ระบบเวิลด์ไวด์เว็บเข้ามาดำเนินการ
เวิลด์ไวด์เว็บเป็นเพียงส่วนหนึ่งในระบบอินเทอร์เน็ต ที่เพิ่งเริ่มจะเกิดเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมานี้และก็มีแนวโน้มว่า จะเป็นสื่อการสอบผ่านสื่อทางไกล ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอีกประเภทหนึ่ง การทำงานของเวิลด์ไวด์เว็บ จะทำงานผ่านโปรแกรมทำการค้นหาแหล่งข้อมูล ที่เรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า เว็บบราวเซอร์ ที่รู้จักกันในนาม เนตสเคป หรือโมเสก และ อินเทอร์เน็ต Explorer หรือ ไออี เป็นการรวมของสื่อทุกอย่างไว้เข้าด้วยกัน เช่น ตัวหนังสือ รูปภาพ เสียง วีดิทัศน์ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนทำให้เวิลด์ไวด์เว็บเป็นสื่อที่ดูดความสนใจอีกประเภทหนึ่ง
ในปัจจุบันบางหน่วยงานหรือสถานการศึกษาใช้การสอบแบบปรนัย (Multiple Choice) ผ่านระบบเวิลด์ไวด์เว็บ แต่ทั้งนี้นักเรียนต้องเข้ามาทำข้อสอบ ในสถานที่ที่จัดให้ อีกตัวอย่างการสอบผ่านข่ายงานคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ทั่วโลก คือ การสอบของบริษัทโนเวล (Novell) สำหรับประกาศนียบัตร Certified Netware Engineer (CNE) ซึ่งเป็นการสอบผ่านระบบออนไลน์ (On-line teleexamination) โดยใช้การ download ข้อสอบจากศูนย์กลาง มายังสถานที่สอบโดยผู้สอบทำแบบทดสอบ บนจอคอมพิวเตอร์ และคำตอบที่ได้จะถูกส่งกลับ ไปตรวจที่ศูนย์กลางเมื่อหมดเวลาสอบ

บทความเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต


ปัจจุบันนักเรียนคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์และรู้จักที่จะใช้เวลาทั้งวันไปกับการเล่นเกมสนุกๆที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์มีเดีย โดยไม่สนใจที่จะศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนเหมือนแต่ก่อนจากประสบการณ์ของผู้เขียนพบว่าเยาวชนเป็นจำนวนไม่น้อยในระดับมัธยม
ที่สอนอยู่ ใช้เวลาตลอดสัปดาห์เข้าไปนั่งเล่นเกมส์ในร้านไซเบอร์คาเฟ่ข้างโรงเรียนในเวลาเรียนได้ทั้งวัน โดยผู้ปกครองไม่ทราบ และครูได้เช็คขาดเรียนโดยเข้าใจผิดว่าป่วย ต่อเมื่อย่างเข้าสัปดาห์ต่อมา ครูได้ติดต่อไปยังผู้ปกครอง และร่วมกันสืบดูพฤติกรรม จึงได้ทราบว่าตลอดสัปดาห์ที่แต่งเครื่องแบบนักเรียนออกจากบ้าน มาโรงเรียนพร้อมกับผู้ปกครองทุกวันนั้น นักเรียนไม่ได้เข้าประตูโรงเรียน แต่เข้าประตูร้านไซเบอร์ที่อยู่ใกล้ๆโรงเรียนนั่นเอง ผู้เขียนได้ปรารภกับเพื่อนครูต่างโรงเรียนอีกหลายแห่ง ก็ได้พบปัญหาทำนองเดียวกัน จึงเกิดคำถามขึ้นว่า
-ทำไมเกมส์ในคอมพิวเตอร์จึงดึงดูดความสนใจของเยาวชนนักหนา
-เดี๋ยวนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนน่าสนใจน้อยกว่าเกมส์มาก จนกระทั่งนักเรียนหมดเยื่อใยที่จะเข้าเรียนได้อีกต่อไปแล้ว หรือไร
-ไม่มีใครเลยหรือที่จะแนะนำนักเรียนให้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้สนุกๆจากอินเทอร์เน็ตซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล และก็อยู่ในคอมพิวเตอร์ ที่นักเรียนเล่นแต่เกมส์นั่นแหละ
-หรือว่า แหล่งความรู้สนุกๆที่มีมากมายเหล่านั้นต้องใช้ระบบอินเทอร์เน็ตที่ยุ่งยากมากสำหรับสถานศึกษาที่ไม่พร้อม ในร้านไซเบอร์มีระบบพร้อมกว่า สะดวกกว่า เล่นเกมส์ทางอินเทอร์เน็ตก็ง่ายดาย
-หรือว่า อันที่จริงแล้ว เรายังขาดแคลนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนของเรา นักเรียนพันธ์ใหม่พิจารณาเองได้ว่าเป็นแนวเก่า ไม่สมยุค จึงเบื่อเหลือเกิน
-หากเป็นไปได้ทุกคำถาม ครูที่ห่วงใยนักเรียน คงจะเพิกเฉยต่อพฤติกรรมระบาดนี้ไม่ได้
มีอะไรที่ครูจะทำได้บ้างในช่วงของการปฏิรูปการศึกษา ก็น่าจะลองช่วยๆกันดู
แนวคิดหนึ่งสำหรับครูที่พอจะมีความรู้ทางไอที (IT-Information Technology) อยู่บ้าง คือ
-การจัดหา และรวบรวมการนำเสนอความรู้สนุกๆ ที่น่าสนใจและมีสาระซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาลทางอินเทอร์เน็ตนั้น มาหลอกล่อ และเรียกร้องความสนใจของนักเรียนบ้าง
-บอกวิธีการ ค้นหาและเลือกข้อมูลบนเครือข่ายให้นักเรียนเปิดหาสิ่งที่ตนต้องการได้ -แนะนำให้นักเรียนเปิดดูโฮมเพจจากเครื่องแม่ข่ายของโรงเรียน (server) บ้าง
-สำหรับบางสถานศึกษาที่กำลังรอความพร้อมของระบบอินเทอร์เน็ตอยู่ ครูอาจใช้การบันทึกความรู้ที่ค้นได้จากอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ ในแผ่นซีดีรอมแล้วเปิดให้นักเรียนดูได้จากระบบออฟไลน์ที่มี โดยที่ทุกข้อมูลมีสภาพเหมือนกับเปิดบนอินเทอร์เน็ต ความรู้ที่นำมาบันทึกบนแผ่นซีดีรอมในลักษณะนี้ ดร.มธุรส จงชัยกิจ* เรียกว่า เครือข่ายเสมือน (Virtual Web) ซึ่งน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยการเรียนการสอนได้ในยุคนี้

บทความเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ต ( Internet ) คือ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไซเบอร์สเปซ ( Cyberspace ) คำเต็มของอินเทอร์เน็ต คือ อินเทอร์เน็ตเวิร์กกิง ( Internetworking ) ต่อมานิยมเรียกสั้นๆ ว่า อินเทอร์เน็ต หรือ เน็ต
อินเทอร์เน็ตมีรูปแบบคล้ายกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบ WAN แต่มีโครงสร้างการทำงานที่แตกต่างกันมากพอสมควร เนื่องจากระบบ WAN เป็นเครือข่ายที่ถูกสร้างโดยองค์กรๆ เดียวหรือกลุ่มองค์กร เพื่อวัตถุประสงค์ด้านใดด้านหนึ่ง และมีผู้ดูแลระบบที่รับผิดชอบแน่นอน แต่อินเทอร์เน็ตจะเป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์นับล้านๆ เครื่องแบบไม่ถาวรขึ้นอยู่กับเวลานั้นๆ ว่าใครต้องการเล่นอินเทอร์เน็ตบ้าง ใครจะติดต่อสื่อสารกับใครก็ได้ จึงทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตไม่มีผู้ใดรับผิดชอบหรือดูแลทั้งระบบ
ระบบอินเทอร์เน็ต ช่วยให้สามารถเคลื่อนย้ายข่าวสารข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ โดยไม่จำกัดระยะทาง และสามารถส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งข้อความ ตัวหนังสือ ภาพ และเสียง โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมเครือข่าย ภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงเดียวกันคือ TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในอินเทอร์เน็ตสามารถสื่อสารระหว่างกันได้

บทความเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

"ใครเป็นเจ้าของ อินเทอร์เน็ต"
ในปัจจุบันหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับควบคุมดูแลทิศทางของอินเทอร์เน็ตโดยรวมคือ "สมาคมอินเทอร์เน็ต" (Internet Society) ซึ่งสมาชิกประกอบด้วยทั้งผู้ใช้และผู้ให้บริการทั่วไป รวมกันเป็นกลุ่มย่อยๆภายใน สมาคมอีกทีหนึ่ง ในบรรดากลุ่มย่อยเหล่านี้ หลุ่มย่อยอันหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญคือ Internet Architecture Board หรือ IAB ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2526 เพื่อสนับสนุนงานวิจัยต่างๆเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตและในปัจจุบันเป็นผู้วาง มาตรฐานการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย ทำหน้าที่ค้นคว้า วิจัยสิ่งใหม่ เพื่อรองรับอินเทอร์เน็ตในอนาคต
บริการต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต ตามที่ได้อธิบายไปแล้วว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คือเครือข่ายของเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงกันไปทั่วโลกในแต่ละ เครือข่ายก็จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ ซึ่งอาจเรียกว่าเป็น เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือ โฮสต ์ (Host) เชื่อมต่ออยู่เป็นจำนวนมาก ระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะให้บริการต่างๆ แล้วแต่ลักษณะและจุดประสงค์ท ี่เจ้าของเครือข่ายนั้นหรือเจ้าของระบบคอมพิวเตอร์นั้นตั้งขึ้น ในอดีตมักมีเฉพาะบริการเรื่องข้อมูลข่าวสารและ โปรแกรม ที่ใช้ในแวดวงการศึกษาวิจัยเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันก็ได้ขยายเข้าสู่เรื่องของการค้าและธุรกิจแทบ จะทุกด้าน บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
1. บริการด้านการสื่อสาร เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อรับส่งข้อมูลแลกเปลี่ยนกันได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวด เร็วกว่าการติดต่อแบบธรรมดาและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูกกว่ามาก
1)ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)
ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อรับ-ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือ E-mail กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกว่า 20 ล้านคน ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก และบริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นี้ก็รวดเร็วทันใจและสะดวกมาก โดย E-mail จะมีหลักการทำงานดังนี้1. POP3 (Post Office Protocol) ซึ่งในปัจจุบันเป็น protocol มาตรฐานที่ใช้สำหรับรับ-ส่ง จดหมายอิเล็กทรอนิก ในปัจจุบันนี้ 2. SMTP (Simple Mail Transfer Protocol) 3. IMAP (Internet Message Access Protocol)4. MIME (Multipurpose Internet Mail Extension)วิธีการทำงานของ POP3 POP3 จะมีหลักหารทั่วไปคล้ายๆกับหลักการรับและส่งของระบบไปรษณีย์ในปัจจุบัน คือในทันทีที่มีจดหมายมา ส่งที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง (โดยทั่วไปคือ Mail server ของ ISP หรือ องค์กรต่างๆ)จดหมายฉบับนั้นก็จะค้าง อยู่ที่ๆทำการฯ ไปจนกว่าจะมีคนมาติดต่อขอรับมัน ด้วยวิธีการนี้ภาระของผู้ส่งจดหมายจะสิ้นสุกเมื่อจดหมายถึง ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง(ซึ่งก็เปรียบเสมือนโฮสต์ที่ทำหน้าที่เก็บจดหมายของผู้ใช้ปลายทาง) POP3 จะเป็น Protocol แบบดึง('Pull' Protocol) เมื่อใดก็ตามที่เครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ใช้บรอการ (Client) มีความต้องการที่จะ ตรวจสอบข้อความ มันจะทำการเชื่อมต่อไปยัง เมล เซอเวอร์ และจะใช้ POP เพื่อ Login เข้าปยังตู้รับจดหมาย (Mailbox) แล้วดึงจดหมายนั้นมาไว้ในเครื่องเราPOP จะเป็นหารบริการที่เหมาะสมสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ต้อง การติดต่อเข้าอินเทอร์เน็ตทางโทรศัพท์ เพราะว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราจะรับ E-mail ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อม ต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา วิธีการทำงานของ SMTPวิธีการนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้กันบน Unix ซึ่ง เป็น โปรโต้คอลที่อาศัยวิธีการส่งจดหมายเป็นทอดๆระหว่างโฮสต์ ต่อๆกัน จนกว่าจะไปถึงโฮสปลายทาง สรุปคือ วิธีการนี้เป็นวิธีเก่า ถ้าไม่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ รับเอาไว ้ตลอดเวลาก็จะไม่สามารถรับ จดหมายได้ และในปัจจุบันเครื่อง PC ส่วนบุคคลทั้งหลายก็ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติ การUNIX และระบบปฏิบัติการที่ใช้ก็ไม่รองรับไฟล์ในระบบ Unix นั่นก็หมายความว่า หากใช้เครื่อง PC ถึง จะเปิดเครื่องไว้ เครื่องนั้นก็ไม่สามารถใช้ไฟล์นั้นได้อยู่ดี ระบบนี้จึงเป็นระบบเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าใดนักวิธีการทำงานของ IMAPเป็น Protocol ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ POP3 แต่จะแก้ปัญหาของ POP3 ได้ดีขึ้นคือ POPจะมีวิธีการทำงานในลักษณะ "เก็บและส่งต่อ" (store-and-forward) ดังนั้นกระบวนการจัดการจดหมายต่างๆจึงยังไม่ดีมากพอ IMAP จะแตกต่าง จาก POP ในเรื่องของการตรวจสอบเมล์ ซึ่ง IMAP จะสามารถตรวจสอบเมล์ได้ 3 แบบคือ 1.offline access คือดึงเมล์ ทั้งหมดมาเก็บไว้ที่เครื่องเราและ ลบเมล์ออกจากเครื่อง server(ซึ่ง POP3 จะตรวจสอบด้วยวิธีนี้ และการใช้โปรแกรมดึงอีเมล์ (E-mail Client ) บางตัวเราสามารถสั่งให้เก็บจดหมายที่เราอ่านแล้วไว้ที่เครื่อง server ได้ 2.Online-access อ่านเมล์แบบออนไลน์โดยใช้เครื่องเราเป็นตัวอ่านเมล์ ส่วนตัวจดหมายก็อยู่ที่ server 3.Disconnected access คือการผสมระหว่าง 2 วิธีแรกคือ เราสามารถเลือกเมล์ที่ต้องการนำมาเก็บเครื่องเราก่อน ได้ โดยไม่ต้องดาวโหลดมาทั้งหมด ที่สำคัญเราสามารถรู้ได้ว่าเราได้มีการลบเมล์ไปเท่าไหร่แล้ว โดย IMAP จะสามารถจดจำเอาไว้ได้ว่าเราได้ลบเมล์ฉบับไหนออกไปเมื่อมีการติดต่อกับ เซอร์เวอร์ในครั้งถัดไปจำนวน เมล์ในเครื่องเรากับเครื่องเซอร์เวอร์จะถูกปรับให้เข้ากันได้โดยอัติโนมัติ(คือการทำ Synchronized) ด้วยเทคนิค นี้ทำให้เราสามารถตรวจสอบเมล์ได้จากคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องโดยไม่สับสน(ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องจากที่บ้าน ที่ทำงาน หรือ โน๊ตบุค ก็จะให้ผลเหมือนกันซึ่งจะต่างจาก POP ที่ทำให้สับสนเมื่อตรวจเมล์จากหลายๆเครื่อง) ซึ่งเราสามารถสรุปจุดเด่นของ IMAP ได้ดังนี้1. IMAP สามารถให้บริการในรูปแบบ remote ได้ดีกว่า (คือการควบคุมการใช้เมล์จากเครื่องเราไปยัง Server ) เช่น อ่านเมล์แบบออนไลน์ แยกเมล์กับส่วนประกอบเอกสาร (Attachment)ออกจากกันได้ เราสามารถเลือกดาว โหลดจดหมายมาเก็บไว้เครื่องเรา โดยทิ้งส่วนประกอบเอกสารไว้ที่ Server เพื่อดาวโหลดในภายหลังหรือยามว่าง2. IMAP สนับสนุนโฟลเดอร์แบบลำดับชั้นและสามารถแบ่งโฟลเดอร์ให้ใช้งานร่วมกันได้(folder hierarchies and folder sharing) ในขณะที่ POP ไม่สามรถทำได้3. IMAP อณุญาติให้ทำการค้นหาจดหมายหรือบางส่วนของจดหมาย รวมทั้งเลือกจดหมายที่ต้องการจะนำมาเก็บ ไว้ที่เครื่องเราได้ (การค้นหานี้จะทำโดย server ไม่ใช่ Client) แต่ถึงยังไงก็แล้วแต่ IMAP protocol ก็ยังไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบันโดยนักเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหลายยังคงใช้ POP กันอยู่เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ดังนี้1. POP3 นั้นได้ติดตั้งอยู่ในโปรแกรมชิอดังที่มีความสามารถลูกเล่นแปลกใหม่ที่ได้รับความนิยมของ user ทั่ว ไปในขณะที่ IMAP นั้นยังไม่ค่อยมีโปรแกรมที่พัฒนามากนัก2. การใช้ IMAP นั้น จะต้องใช้ทรัพยากรของเครื่อง Server มากขึ้นทำให้เครื่องที่เป็น server ต้องทำงานหนักขึ้น อย่างมากจึงต้องเสียค่าบริการราคาแพง แต่ POP นั้นมีให้บริการฟรีทั่วไปในโลก Cyber space3. IMAP นั้นจะต้องใช้เวลาในการติดต่อนานกว่า เนื่องจากมีกิจกรรมที่จะต้องส่งข้อมูลระหว่าง Client กับ server เพื่อปรับเปลี่ยนข้อมูลให้ตรงกันซึ่งต่างกับ POP คือดึงข้อมูลมาแล้วก็หมดหน้าที่วิธีการทำงานของ MIMEเนื่องจากอีเมล์สมัยแรกที่เริ่มต้นในระบบอินเทอร์เน็ตจะมีค่าแค่เพิ่งเครื่งมือในการส่งข้อความสั้น โดยที่คุณ ไม่สามารถที่จะแนบเอกสารหรือรูปภาพที่คุณชอบส่งไปได้ จนกระทั่งได้มีการพัฒนา กำหนด Protocol ใหม่ที่ชื่อว่า MIME ซึ่งเป็มาตรฐานในการเข้ารหัสแฟ้มข้อมูลหลายชนิดไปรวมกับ E-Mail ผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่ม ีไฟล์ประเภทไหนที่ MIME ไม่รู้จัก เราจึงสามารถส่งไฟล์ทุกประเภทไปพร้อมกับ E-mail ได้ โดยมีวิธีการคือแปลง ไฟล์รูปภาพ เสียง วีดีโอ ซึ่งอยู่ในรูปแบบ Binary ให้มาอยู่ในรูปแบบตัวอักษร MIME เป็นตัวมาตรฐานที่กำหนดขึ้นเพื่อรองรับจุดประสงค์ที่หลากหลายจากการใช้งาน internet Mail ทั้งนี้เพื่อ ขยายประโยชน์ใช้สอบของอีเมล์ได้มากขึ้น แฟ้มข้อมูลมาตรฐาน MIMEสามารถใช้ร่วมกับการเก็บไฟล์ของส่งผ่าน ไปทางมาตรฐาน SMTP และ UUCP รวมถึง BitNet X.400 SNADS PROFS และยังมีความสามารถในการแลก เปลี่ยนข้อมูลบนระบบปฏิบัติการ ที่ต่างกันแต่ชนิดของซอฟแวร์ที่ใช้ต่างกันได้อย่างน่าอัศจรรย์สรุปถึงแม้จะมี Protocol มากมายที่ใช้สำหรับอินเทอร์เน็ตเมล์ซึ่งแต่ละอันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ซึ่งโดย ทั่วไปก็จะใช้ POP3 ร่วมกับ SMTP โดยจะใช้ SMTP ในการส่งเมล์ออกไปยังปลายทางและใช้ POP ในการรับ เก็บจดหมาย E-mail เป็นมาตรฐานในการใช้ E-mail ในปัจจุบัน ซึ่งการใช้งานนี้ก็สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิดีแล้วในปัจจุบัน

บทความเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

IT Learning
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 เราจะถือได้ว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนี้เป็นการปฏิวัติครั้งสำคัญโดยจะเห็นได้จากการที่ผู้คนจำนวนกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกเข้ามาใช้งานและมีส่วนร่วมกับเครือข่ายนี้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงวิถีที่เราติดต่อกับคนอื่นและกับโลกภายนอก ขณะนี้เราสามารถติดต่อและเข้าถึงผู้คน สถานที่ และข้อมูลที่เราไม่เคยสามารถติดต่อได้มาก่อน การปฏิบัติงานทางธุรกิจและราชการมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ญาติมิตรที่อยู่ห่างไกลกันสามารถติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย นักเรียนประถมสามารถติดต่อกับมนุษย์อวกาศในสถานีอวกาศได้ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถกระทำผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นได้แทรกซึมไปอยู่ทุกหนทุกแห่งและเข้ามาเกี่ยวข้องกับทุกแง่มุมในชีวิตของเรา เครือข่ายอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของเรา
อย่างไรก็ตาม ท่านอาจจะยังมีความลังเลหรือกังวลกับการที่จะเข้าไปในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือที่เราเรียกกันว่าโลกออนไลน์ เนื่องจากมีสิ่งที่น่ากลัวต่างๆ อยู่ โดยที่ท่านอาจเคยได้ทราบเรื่องของไวรัส โทรจัน การขโมยข้อมูลส่วนตัว ความไม่ชัดเจนของกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคสำหรับการค้าอิเล็กทรอนิกส์ การหลอกลวงบนเครือข่าย หรือแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าเว็บบัก (web bugs) แต่ถึงกระนั้น เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นคือวิถีทางแห่งอนาคตและในที่สุดแล้วท่านคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์นี้ได้ และการสิ่งที่ดีที่สุดที่จะปกป้องท่านได้ก็คือการเรียนรู้ที่จะป้องกันปัญหาเหล่านี้มิให้เกิดขึ้นได้
คู่มือนี้เป็นแนวทางสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ที่มีประสบการณ์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการสร้าง “ตะข่าย” หรือ เซฟตี้เน็ต (safety net) เพื่อปกป้องตัวท่านจากการหลอกลวงในโลกออนไลน์ ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องทุกอย่างที่เราทำ และไม่มีอะไรที่มีความปลอดภัย 100% แต่เราก็สามารถลดความเสี่ยงลงได้อย่างมากหากเราจะยอมเสียเวลาเล็กน้อยในการที่จะเรียนรู้วิธีการอันมิชอบต่างๆ ที่ผู้ไม่ประสงค์ดีทั้งหลายชอบใช้และใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อปกป้องตัวเราเอง ซึ่งหากท่านปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างง่ายๆ ในคู่มือนี้ท่านจะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ได้ก่อนที่ปัญหาเหล่านั้นจะเกิดขึ้นและการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตของท่านจะเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขและน่าประทับใจ
วันที่ : 22 มกราคม 2551ที่มา : Safety Net คู่มือการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป (โดยคณะอนุกรรมการด้านความมั่นคงภายใต้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ)

บทความเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตสร้างสายสัมพันธ์ ระหว่างบ้านและสถานศึกษา
อินเทอร์เน็ต ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของคนทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ มี คนเป็นจำนวนมากที่จะต้องเข้าไปใช้งานและบริการต่างๆในอินเทอร์เน็ตเป็นประจำ และวันใดที่ว่างเว้นการใช้อินเทอร์เน็ตไป จะรู้สึกหงุดหงิดมาก วงการศึกษาของเราก็มีความตื่นตัวในเรื่องนี้มากเช่นกัน สถานศึกษาหลายๆแห่ง ได้พยายามพัฒนาศักยภาพด้าน IT ตามกำลังความสามารถและงบประมาณอันจำกัดเท่าที่มีอยู่ จนสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ของสถานศึกษา เข้ากับเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เพื่อส่งเสริมในด้านการเรียนการสอนและบริการให้นักเรียนเข้าไปใช้ประโยชน์ ในการติดต่อสื่อสาร สืบค้นแหล่งความรู้และแหล่งบันเทิง บนเครือข่ายนี้ และ แนวโน้มของสถานศึกษาที่ดำเนินกิจกรรมอินเทอร์เน็ตในลักษณะนี้ จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในเวลา 4 ปีนี้ จะดำเนินการให้สถานศึกษาทุกแห่ง สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมด

สถานศึกษาที่มีความพร้อมด้าน IT จะมีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้สอนนักเรียนในวิชาคอมพิวเตอร์ตามหลักสูตร มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และสอนให้นักเรียนรู้จักการเข้าเว็ป (Web) สร้างโฮมเพจ (Home page) ใช้ เครื่องมือค้นหา (Search Engine) ความรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และรู้จักการเรียนการสอน แบบ e – learning เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งสถานศึกษาบางแห่งอาจจะมีคอมพิวเตอร์ ติดตั้งในห้องสมุด ให้นักเรียนได้ สืบค้นข้อมูล บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และ อินทราเน็ตได้ด้วย
อินเทอร์เน็ต กับการนำมาใช้เพื่อการเรียน การสอน นั้นได้มีพัฒนาการและการประยุกต์ การใช้งานมาโดยลำดับ จนเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังมีแนวทางอื่นๆอีกหลายแนวทางที่ สถานศึกษาสามารถพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายอินเทร์เน็ต มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการเสริมสร้างประสิทธิภาพทางการศึกษา ซึ่งแนวทางที่ผู้เขียนมีความสนใจในขณะนี้ คือการนำไปใช้เพื่อลดช่องว่างระหว่างบ้านซึ่งในที่นี้ คือ ผู้ปกครองนักเรียน กับ ทางสถานศึกษา ซึ่งประกอบด้วยครู/อาจารย์ และผู้บริหาร ให้มีความใกล้ชิดกัน เพื่อจะได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ดูแลและพัฒนา นักเรียนให้ประสบผลสำเร็จในการศึกษาสูงสุด ลดปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนหรือเยาวชนของชาติที่มีมากมายในขณะนี้

สิบสิ่งมหัสจรรย์

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

แนะนำตัว


สุรศักดิ์ วิมานะ


66 ม.2 ต.แกดำ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม 44190


เจ้าพนักงานธุรการ กองคลัง







เทศบาลตำบลแกดำ


ต.แกดำ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม
















พระธาตุนาดูน